ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติประกาศขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยิ่งใหญ่
เหมือนแรกๆ ที่การเคหะแห่งชาติสิงคโปร์ยังต้องมาดูงานแฟลตดินแดง
เผยจะปรับแนวคิดการก่อสร้างที่อยู่อาศัยให้ตอบโจทย์ผู้มีรายได้น้อยให้ดีขึ้น
ทั้งรูปแบบและคุณภาพ พร้อมเรียกร้องให้หน่วยงานทุกฝ่ายในองค์กรทำงานให้ “สำเร็จ”
มากกว่าแค่ “เสร็จ”
นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ
ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กล่าวถึงทิศทางการขับเคลื่อนการเคหะแห่งชาติว่า
จะนำพาองค์กรกลับคืนสู่ความยิ่งใหญ่เหมือนเมื่อ 40 กว่าปีที่แล้ว แม้กระทั่งรัฐบาลสิงคโปร์
โดยอดีตนายกรัฐมนตรี ลี กวน ยู
เคยส่งทีมงานเจ้าหน้าที่การเคหะแห่งชาติสิงคโปร์มาดูงานโครงการเคหะชุมชน
ดินแดงในประเทศไทย ซึ่งขณะนั้นการเคหะแห่งชาติสิงคโปร์ยังอยู่ในจุดเริ่มต้นที่ยังไม่ดีนัก
สิ่งหนึ่งที่ต้องให้น้ำหนักมากเป็นพิเศษคือ คุณภาพสินค้า ทั้งการออกแบบและการก่อสร้าง ซึ่งยังไม่สามารถตอบโจทย์ผู้มีรายได้น้อยเท่าที่ควร
“อย่างอาคารสูง 4 – 5
ชั้น ที่ขายไม่ค่อยได้จะเป็นชั้น 4 ชั้น 5 เพราะข้อกำหนดเดิมไม่ใด้ติดตั้งลิฟท์
ซึ่งถ้าคิดใหม่ เราติดตั้งลิฟท์โดยยอมเสียห้องไป 4 – 5 ห้อง และเราขายห้องได้หมดก็คุ้มค่าที่จะลงทุน
จึงได้มอบหมายให้ผู้ที่เกี่ยวข้องไปทบทวนโครงการที่ได้รับอนุมัติไปแล้ว” นายทวีพงษ์
กล่าว
พร้อมกับยกตัวอย่างการออกแบบโครงการบ้านเอื้ออาทรว่า อาจต้องปรับปรุงทั้งรูปแบบตัวบ้านและมีจำนวนที่ไม่ให้ดูแออัดเกินไป รวมทั้งเพิ่มพื้นที่สีเขียวด้วย ตามนโยบายของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (จุติ ไกรฤกษ์) อยากให้การเคหะแห่งชาติเปลี่ยนภาพลักษณ์ใหม่ในการสร้างที่อยู่อาศัย
นายทวีพงษ์ กล่าวอีกว่า คุณภาพที่อยู่อาศัยของการเคหะแห่งชาติยังขึ้นอยู่กับการคัดเลือกบริษัทผู้รับเหมาด้วย การยึดถือเอาราคาที่ต่ำสุดในการประมูลก่อสร้างอาจไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิต เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ต้องทบทวนข้อกำหนดในการประมูล (ทีโออาร์) เพื่อให้ได้งานที่มีคุณภาพมากขึ้น
ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า การแก้ไขปัญหาเหล่านี้ ทุกฝ่ายในการเคหะแห่งชาติต้องมีส่วนร่วมกันเป็นหนึ่งเดียว ทำงานเป็นทีม โดยมีเป้าหมายคือ “ความสำเร็จ” สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้
“ไม่ใช่แต่ละหน่วยทำงานของตัวเอง “เสร็จ” เท่านั้น หากยังต้องมองปัญหาของหน่วยงานที่รับช่วงต่อด้วย ต้องมีการประสานเชื่อมโยงกัน เพื่อให้แน่ใจว่าสุดท้ายงานจะ “สำเร็จ” ด้วยดี เป็นที่ต้องการของลูกค้า เป็นการพลิกฟื้นภาพลักษณ์การเคหะแห่งชาติไปในตัวด้วย”
นอกจากนั้น ยังดำเนินการปรับปรุงระบบการทำงานภายในองค์กรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ เช่น เรื่องงานเอกสาร ซึ่งต้องพัฒนาระบบให้เป็น e-office ทำงานได้รวดเร็วขึ้น ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็สามารถเซ็นเอกสารได้เป็นต้น ขณะนี้ได้สั่งการให้เตรียมความพร้อมของระบบแล้ว คาดว่าอีกระยะหนึ่งจะสามารถใช้งานได้จริง
©2017 Copyright, Thaiagritec. All rights reserved.
อีเมล์ : water4life2017@gmail.com
โทรศัพท์ : 09 8269 1197 08 6888 1918
ที่อยู่ : 299/3 หมู่บ้านเบล็ส วิลล์ รามอินทรา ซอยพระยาสุเรนทร์ 25 แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ 10510