สารกำจัดศัตรูพืชอย่างโรคหรือแมลง ใช้แล้วไม่ค่อยมีผลกระทบต่อต้นพืชที่ปลูก ต่างจากสารกำจัดวัชพืชมีโอกาสทำให้ต้นพืชที่ปลูกตายได้
เกษตรกรใช้สารกำจัดวัชพืชอย่างน้อย 2 ครั้งคือ ฉีดคุมกับฉีดฆ่า
ฉีดคุม เป็นการฉีดพ่นคลุมหน้าดิน เพื่อคุมหน่อหรือรากวัชพืชที่งอกขึ้นมา เจอสารกำจัดวัชพืชเข้าก็ตาย แต่ช่วงเวลาฉีดพ่นมักฉีดในช่วงแล้ง สารกำจัดวัชพืชมีอายุขัย และในท่ามกลางแสงแดด จึงเสื่อมฤทธิ์เร็วส่วนหนึ่ง และเมื่อฝนตกน้ำก็ชะล้างสารเคมีนี้ไปโดยเปล่าประโยชน์
การฉีดคุมจะได้ผลต่อเมื่อฉีดในช่วงที่มีความชื้นในดินและวัชพืชพร้อมงอกแทงหน่อหรือรากขึ้นมา ช่วงเวลาที่โป๊ะเชะเท่านั้นที่ทำให้การฉีดคุมได้ผล เกษตรกรส่วนใหญ่ไม่รู้ การฉีดคุมจึงเท่ากับฉีดเงินทิ้ง
ฉีดฆ่า เมื่อวัชพืชเติบโตแทงทะลุดิน เป็นต้นขึ้นมาแล้ว
อีกนั่นแหละ ความไม่รู้ทำให้เกษตรกรใช้สารกำจัดวัชพืชมากเกินไป ประเภทต้องให้ชุ่มโชกเข้าไว้ โดยไม่นำพากับใบกำกับการใช้ที่ระบุไว้ชัดเจนถึงปริมาณสารที่เหมาะสม นอกจากสิ้นเปลืองสาร ยังสิ้นเปลืองเวลา เพราะต้องขับรถไปขนน้ำมาผสมจำนวนมาก หลายเที่ยว ตามขนาดแปลง แถมสิ้นเปลืองเงิน เป็นเท่าตัว
ยังมีอีกปัจจัยที่ทำให้สิ้นเปลืองการใช้สารโดยไร้ประโยชน์ คือขนาดหัวฉีดที่ใหญ่เกินไป หรือรั่วชำรุด ซึงเกษตรกรเองก็ไม่ค่อยตระหนักว่า นี่คือเงินที่ไหลเททิ้ง
เห็นไหมล่ะว่า ทั้งฉีดคุม ฉีดฆ่า เป็นการใช้สารกำจัดวัชพืชแบบสิ้นเปลือง เผลอก็เปล่าเปลืองอีกต่างหาก แต่เงินเกษตรกรทั้งนั้นที่หายไปเป็นต้นทุนที่สูงขึ้นๆ แล้วจะลืมตาอ้าปากอยู่เย็นเป็นสุขมั่งคั่งมั่นคงได้อย่างไร
จึงกราบเรียนท่านรัฐมนตรีเกษตรฯ กฤษฎา บุญราช ว่า ถ้าอบรมเกษตรกรให้มีความรู้ ภูมิรู้ และตระหนักรู้เงินทองรั่วไหลอย่างไร สามารถลดใช้สารกำจัดศัตรูพืชได้ ในทันทีทันใด
ลดได้ไม่มากมายเท่าไหร่เลย แค่ครึ่งหนึ่งหรือ 50% เองเจ้าค่ะท่านรัฐมนตรี
©2017 Copyright, Thaiagritec. All rights reserved.
อีเมล์ : water4life2017@gmail.com
โทรศัพท์ : 09 8269 1197 08 6888 1918
ที่อยู่ : 299/3 หมู่บ้านเบล็ส วิลล์ รามอินทรา ซอยพระยาสุเรนทร์ 25 แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ 10510