เป็นที่ทราบโดยทั่วกันว่า ปัจจุบันประเทศไทย อาหารตามธรรมชาติเหลืออยู่น้อยลงทุกที ทั้งด้วยการเปลี่ยนแปลงการใช้พื้นที่จากแหล่งอาหารหรือพื้นที่เพาะปลูกและป่าไม้ กลายเป็นที่ปลูกสร้างหรือพื้นที่เมือง ปัญหาป่าต้นน้ำถูกทำลายและพื้นที่ป่าลดลงก็กำลังเป็นปัญหาที่ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่องแม้จะเป็นสิ่งผิดกฎหมายก็ตาม ปัจจัยเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อทั้งแหล่งอาหารและแหล่งน้ำ ซึ่งแหล่งน้ำที่สำคัญ เช่น แม่น้ำ ลำคลอง
และเพื่อระลึกถึงความสำคัญของน้ำ ซึ่งเป็นความต้องการขั้นพื้นฐาน ของสิ่งมีชีวิตทุกชนิดในโลก อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นให้เกิดการตื่นตัวในหมู่มวลมนุษยชาติ ในเรื่องการอนุรักษ์น้ำ และการพัฒนาแหล่งน้ำ ตลอดจนดำเนินการตามข้อเสนอแนะของที่ประชุมสหประชาชาติ ที่ว่าด้วยสิ่งแวดล้อมและการพัฒนา ซึ่งจัดโดยองค์การน้ำแห่งสหประชาชาติ ดังนั้น ในปี ค.ศ.1992 สมัชชาสหประชาชาติ ได้ประกาศให้วันที่ 22 มีนาคม ของทุกปีเป็น “วันน้ำโลก”
ในส่วนของประเทศไทย ทางรัฐบาลได้มอบหมายให้ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ หรือ สทนช.เป็นเจ้าภาพหลักจัดกิจกรรม “วันน้ำโลกและสัปดาห์อนุรักษ์ทรัพยากรน้ำแห่งชาติ” ในวันที่ 22 มีนาคม 2562 ณ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลพลาซ่า เวสต์เกต จ.นนทบุรี โดยกิจกรรมที่น่าสนใจ อาทิ การนำเสนอผลการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (2558-2569) ที่ได้ปรับปรุงและพัฒนาเป็นแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี (2561-2580) การเสวนาหัวข้อ “ความท้าทายของการบริหารจัดการน้ำอุปโภคบริโภค รวมถึงนิทรรศการจาก 18 หน่วยงานที่รับผิดชอบการบริหารจัดการน้ำต้นทุน การผลิต และการกระจายน้ำ รวมถึงแผนงานในอนาคต ตลอดจนเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมที่จะนำมาใช้จากสถาบันการศึกษา เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบถึงทิศทางการบริหารจัดการน้ำของประเทศว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป
โดยนายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสทนช. ระบุว่า เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ผู้คนทั่วโลกเกิดความตื่นตัวเรื่องการบำรุงรักษา อนุรักษ์ พัฒนาแหล่งน้ำ และจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน โดยแต่ละปีทุกประเทศจะร่วมกันจัดกิจกรรมรณรงค์สร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่ประชาชนในแต่ละประเทศ โดยในปี 2562 องค์การสหประชาชาติได้กำหนดประเด็นหลักในการรณรงค์ในระดับโลกประจำปีนี้ คือ “Leaving no one behind” หรือ เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ซึ่งประเด็นการรณรงค์ดังกล่าวสอดคล้องกับแผนแม่บทด้านที่ 1 คือ การจัดการน้ำอุปโภคบริโภคให้ทุกภาคส่วนได้เข้าถึงอย่าง ทั่วถึง..เท่าเทียม.. และ เพียงพอ ที่ประเทศไทยนำมากำหนดเป็นกิจกรรมหลักในงานครั้งนี้ เนื่องจากกระแสการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบันทำให้เกิดความต้องการใช้น้ำมากขึ้นในทุกภาคส่วน และทั่วโลกต้องเผชิญกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ซึ่งทำให้เกิดวิกฤติความมั่นคงด้านน้ำ โดยเฉพาะปัญหาการขาดแคลนน้ำสะอาดสำหรับอุปโภคบริโภค และสงครามแย่งน้ำในหลายพื้นที่
“กิจกรรมวันน้ำโลกในปีนี้ สทนช. ต้องการเน้นย้ำการสร้างความเข้าใจกับประชาชนเกี่ยวกับแผนแม่บทการบริหารจัดการน้ำของประเทศ โดยเฉพาะแผนแม่บทด้านที่ 1 เรื่องการจัดการน้ำอุปโภคบริโภค ซึ่งเป็นเรื่องที่ใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุดว่า เรามีเป้าหมายอย่างไร ได้ดำเนินการอะไรไปบ้างแล้ว และประชาชนจะเข้ามามีส่วนร่วมได้อย่างไร ซึ่งมี 4 ประเด็น คือ 1.การให้ทุกครัวเรือนเข้าถึงน้ำอุปโภคบริโภคที่สะอาด โดยตั้งเป้าว่าภายในปี 2562 หมู่บ้านในพื้นที่ขาดแคลนน้ำ 7,490 หมู่บ้าน จะมีน้ำกินน้ำครบทุกหมู่บ้าน รวมทั้งปรับปรุงระบบประปาเดิมที่ชำรุดให้ใช้งานได้ 2.การพัฒนาระบบประปาหมู่บ้านให้ได้มาตรฐาน โดยมุ่งยกระดับให้ถึงเกณฑ์การตรวจวัดตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนภายในปี 2573 (SDGs) 3. พัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพประปาเมืองและพื้นที่เศรษฐกิจ แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ 404 เมือง 4.2 ล้านครัวเรือน รวมถึงการจัดหาแหล่งน้ำสำรองในพื้นที่ขาดแคลน และ 4.การส่งเสริมการประหยัดน้ำในทุกภาคส่วน รวมทั้งการพัฒนานวัตกรรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำอุปโภคบริโภค”
©2017 Copyright, Thaiagritec. All rights reserved.
อีเมล์ : water4life2017@gmail.com
โทรศัพท์ : 09 8269 1197 08 6888 1918
ที่อยู่ : 299/3 หมู่บ้านเบล็ส วิลล์ รามอินทรา ซอยพระยาสุเรนทร์ 25 แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ 10510