สทนช.ย้ำเกษตรกร งดปลูกพืชเกินแผน

สทนช. เข้มแผนจัดสรรน้ำเตรียมพร้อมประเทศไทยรับมือฤดูแล้ง เน้นย้ำเกษตรกรไม่ปลูกพืชเพิ่มอีก ขอความร่วมมือช่วยประหยัดน้ำก่อนเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ฤดูฝน พร้อมเร่งดูแลมาตรการจัดการน้ำของหน่วยงานทุกภาคส่วนให้เกิดการบูรณาการร่วมกัน

นายสมเกียรติ  ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่า ประเทศไทยในปีนี้สถานการณ์แล้งมากกว่าเมื่อปี 2561 แต่น้อยกว่าช่วงแล้งจัดเมื่อปี 2557 มีฝนตกน้อยตั้งแต่ต้นปี โดยเมื่อเปรียบเทียบสภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ในปี 2561 และปี 2562 แล้วนั้น พบว่า ในปีนี้มีปริมาณน้ำลดลงจากปีก่อน คือจาก 71% ลดลงเหลือ 66% เช่นเดียวกับปริมาณน้ำใช้การจาก 38 % เหลือ 33% แต่ทั้งนี้ก็ได้มีมาตรการจัดสรรน้ำจากอ่างขนาดใหญ่ทั้ง 35 แห่ง และได้ทำการจัดสรรแล้วถึง 72% เป้าหมายหลักคือการรักษาปริมาณน้ำที่เพียงพอต่อการอุปโภค-บริโภคและรักษาระบบนิเวศ ให้ทอดยาวไปจนถึงกลางเดือนพ.ค. ซึ่งถือเป็นช่วงเข้าสู่ฤดูฝน โดยยืนยันว่าทุกภาคจะไม่ขาดแคลนน้ำกินน้ำใช้ มีเพียงภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่หน่วยงานจะต้องเฝ้าระวังสถานการณ์เป็นพิเศษ

ด้านภาคการเกษตร สำหรับพื้นที่ในเขตชลประทาน แม้จะมีการกำหนดพื้นที่เพาะปลูกตามศักยภาพของน้ำต้นทุนไว้แล้ว แต่จากการสำรวจล่าสุดพบว่า มี 31 จังหวัด ที่มีการปลูกพืชมากกว่าแผนที่กำหนด รวมมากกว่า 1 ล้านไร่ ซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่บริเวณเหนือจังหวัดนครสวรรค์ ที่เกิดปัญหาการสูบน้ำไปใช้ในการเพาะปลูกเมื่อมีการปล่อยระบายน้ำจากเขื่อน ในส่วนนอกเขตชลประทานมีการคาดการณ์ตั้งแต่ช่วงต้นฤดูกาลว่า 11 จังหวัด อาจเกิดปัญหาการปลูกพืชมากกว่าปริมาณน้ำที่มีอยู่ โดยในปัจจุบันพบว่ามีการปลูกพืชมากกว่าแผนราว 1 แสนไร่ โดยกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เร่งแก้ปัญหาด้วยการกวดขันการจัดการน้ำในพื้นที่ของชลประทานมากขึ้น พร้อมร่วมขับเคลื่อนเพื่อลดผลกระทบดังกล่าว ซึ่งได้มีการประกาศไม่สนับสนุนการปลูกพืชฤดูแล้ง และให้มีการปลูกพืชฤดูแล้งที่ใช้น้ำน้อยในพื้นที่รับน้ำจาก 4 เขื่อน ได้แก่ ทับเสลา กระเสียว     ลำนางรอง และลำพระเพลิง

“ในพื้นที่ที่ได้มีการเพาะปลูกเกินแผนไปแล้วนั้น อาจมีการแบ่งสรรน้ำจากส่วนที่สำรองไว้ในช่วงก่อนถึงเดือนพฤษภาคมมาใช้เพื่อช่วยเหลือ ทั้งยังต้องขอความร่วมมือจากเกษตรกรในการช่วยกันประหยัดน้ำ และต้องอาศัยบุคลากรจากกรมส่งเสริมการเกษตรและกรมชลประทานในการใช้ระบบที่มีอยู่ในการควบคุมและจัดระเบียบการใช้น้ำให้มากขึ้น และต้องร่วมมือไม่ปลูกเพิ่มอีก  พร้อมวางแผนปรับปรุงให้มีการกำหนดจำนวนพื้นที่เพาะปลูกและประกาศอย่างชัดเจนให้ประชาชนได้รับรู้เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาระยะยาวในอนาคต” นายสมเกียรติ กล่าว

สำหรับสถานการณ์น้ำของแม่น้ำในทุกภาคของประเทศ พบว่า มีปริมาณน้ำน้อยถึงปกติ โดยแม่น้ำเจ้าพระยา อ.เมือง   จ.นครสวรรค์ อัตราการไหลผ่าน 293  ลบ.ม./วินาที อ.สรรพยา จ.ชัยนาท อัตราการไหลผ่าน 70 ลบ.ม./วินาที แม่น้ำชี อ.เมืองชัยภูมิ จ.ชัยภูมิ ไม่มีอัตราน้ำไหลผ่าน อ.มหาชนะชัย จ.ยโสธร อัตราการไหลผ่าน 3.40 ลบ.ม./วินาที แม่น้ำมูล อ.โชคชัย        จ.นครราชสีมา อัตราการไหลผ่าน 0.84 ลบ.ม./วินาที แม่น้ำแม่กลอง อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี อัตราการไหลผ่าน 96 ลบ.ม./วินาที แนวโน้มลดลง ส่วนแม่น้ำโขงตั้งแต่บริเวณ จ.เชียงราย จ.นครพนม ถึง จ.อุบลราชธานี ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง 9.03 ม. ลดลง 0.02, 9.18 ม. ลดลง 0.11 และ 11.19 ม. ลดลง 0.12 ตามลำดับ

 

 

แสดงความคิดเห็น

บทความล่าสุด

VIEW ALL

กรมชลเดินหน้าปรับปรุงแม่กลองใหญ่ฝั่งซ้าย

กรมชลฯ ขับเคลื่อนโครงการศึกษาความเหมาะสมปรับปรุงระบบชลประทานแม่กลองใหญ่ฝั่งซ้าย 8 โครงการ …

กรมชลทุ่มงบ1.16พันล้านผุดอ่างห้วยคะนานแก้น้ำแล้งหนองบัวลำภู

กรมชลฯ มุ่งเดินหน้าพัฒนาแหล่งน้ำ ลุยปัจฉิมนิเทศโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยคะนาน ใช้งบลงทุน 1,16…

กรมชลชู 10 แผนแก้น้ำแล้งจ.หนองคาย

กรมชลฯ ได้ข้อสรุปปรับปรุงโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาห้วยโมง จ.หนองคาย ชู 10 กิจกรรม หว…

บทความแนะนำ

VIEW ALL

กรมชลเดินหน้าปรับปรุงแม่กลองใหญ่ฝั่งซ้าย

กรมชลฯ ขับเคลื่อนโครงการศึกษาความเหมาะสมปรับปรุงระบบชลประทานแม่กลองใหญ่ฝั่งซ้าย 8 โครงการ พื้นที่กว่…

กรมชลทุ่มงบ1.16พันล้านผุดอ่างห้วยคะนานแก้น้ำแล้งหนองบัวลำภู

กรมชลฯ มุ่งเดินหน้าพัฒนาแหล่งน้ำ ลุยปัจฉิมนิเทศโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยคะนาน ใช้งบลงทุน 1,160 ล้านบาท …

กรมชลชู 10 แผนแก้น้ำแล้งจ.หนองคาย

กรมชลฯ ได้ข้อสรุปปรับปรุงโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาห้วยโมง จ.หนองคาย ชู 10 กิจกรรม หวังเพิ่มประ…